บริษัท รีเสิร์ช แอนด์ มาร์เก็ต ระบุในรายงานที่ชื่อ จับตาธุรกิจประกันเอเชีย : ไทยและเวียดนาม ว่าในระยะเวลา 7 ปี ระหว่างปี 2543-2550 ภาคประกันภัยของไทยมีการขยายตัวที่ 191% มีมูลค่าในขณะนี้ที่ 9,434.72 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ รีเสิร์ช แอนด์ มาร์เก็ต ยังคาดว่า ขนาดตลาดประกันภัยโดยรวมจะขยายตัวต่อไปอีก 72.5% และคาดว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 13,012.75 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2554
ก่อนหน้านี้ นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) คาดว่า เบี้ยรับในธุรกิจประกันภัย จะเพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อน โดยคาดว่าจะมีมูลค่าทั้งสิ้น 3.4 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่า 3.02 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ แยกเป็นเบี้ยรับรวมของธุรกิจประกันชีวิต มูลค่า 2.3 แสนล้านบาท เติบโต 14-15% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 2.01 แสนล้านบาท จากธุรกิจประกันวินาศภัย 1.08-1.10 แสนล้านบาท เติบโต 7-8% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 1 แสนล้านบาท
ขณะนี้ประชาชนทำประกันภัยมากขึ้น โดยเฉพาะประกันชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงในชีวิต และได้รับประโยชน์จากการออมเงิน ที่ให้ผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่สูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ ประกอบกับสามารถนำมาลดหย่อนการเสียภาษีได้เพิ่ม ขึ้นถึง 5 หมื่นบาท ส่งผลให้ครึ่ง แรกของปีนี้ ธุรกิจประกันชีวิตโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่า 102,911 ล้านบาท ธุรกิจประกันวินาศภัยโต 5.36% มูลค่า 52,808 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลัง น่าจะเติบโตได้มากกว่า เพราะประชาชนได้รับโบนัส และเงินรางวัลประจำปี จึงเชื่อว่าทั้งปีน่า จะได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นาง จันทรา กล่าว
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย คาดว่าปี 2552 เบี้ยรับรวมของธุรกิจประกันชีวิตยังคงเติบโตต่อเนื่องคาดว่าจะมีเบี้ยรับรวม 2.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และอัตราการถือครองกรมธรรม์ประกันชีวิตต่อจำนวนประชากรจะอยู่ที่ระดับ 28%
อย่างไรก็ตาม ปี 2552 เป็นปีที่บริษัทประกันชีวิตจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่ของภาครัฐที่ทยอยออกมาบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2552 เช่น การบังคับใช้มาตรฐานขั้นต่ำในการบริหารความเสี่ยง เกณฑ์การขายประกันชีวิตผ่านช่องทางอื่น ที่ไม่ใช่ขายผ่านตัวแทน
นายสาระคาดว่าภาคธุรกิจ ต้องใช้ระยะเวลาในการปรับตัวให้สามารถดำเนินการได้ตามที่กฎหมายบังคับระยะหนึ่ง หลังจากนั้น เมื่อคงที่แล้วคาดว่าธุรกิจประกันชีวิตจะเร่งขยายการเติบโตอย่างเต็มที